พิธีทำขวัญ


พิธีทำขวัญ

หลังจากเชิญแม่ซื้อเสร็จ  หมอจะเริ่มพิธีทำขวัญต่อไป

จุดประสงค์
        เพื่อให้เกิดสรมงคลแก่เด็กให้อายุมั่นขวัญยืน   ขวัญเป็นสิ่งซึ่งคนสมมุติขึ้น  ไม่มีตัวตน   แต่มีชีวิตจิตใจเหมือนคน   ชาวบ้านเชื่อว่าขวัญจะอยู่ในตัวคนแต่เมื่อได้รับความตกใจหรือกลัว  ขวัญจะหนีออกจากร่างกาย  ทำให้เกิดความเจ็บป่วย  ฉะนั้นเพื่อให้ขวัญกลับมาอยู่กับตัว  ก็จะต้องทำพิธีเรียกขวัญซึ่งหนีออกจากร่างไปให้กลับมาเข้าอยู่ในร่างกายปกปักรักษาคนให้อยู่เย็นเป็นสุข
        การทำขวัญในสมัยก่อนทำเป็นพิธีใหญ่มาก  ปลูกโรงพิธีมียกพื้น  เสาหุ้มด้วยผ้าแดง  มีผ้าคาดเพดาน เครื่องประกอบมากมาย  ใช้บายศรีต้นกล้วย แต่ปัจจุบัน ทำเป็นพิธีเล็กๆ  ใช้บายศรีปากชาม  มีโรงพิธี

เครื่องประกอบในพิธี
๑.      บายศรี 
๒.      ถ้วยขวัญ(ถ้วยเล็กๆ  ใส่ของคาวหวานวางไว้ยอดบายศรี) 
๓.      เทียน  แบ่งเป็น  เทียนขวัญ  เทียนชัย ( เทียนเล่มใหญ่ดับไม่ได้  เพราะถือว่าเป็นมงคลแก่ตัวเด็ก)   เทียนบูชาครู   เทียนติดแว่น  ๙  เล่ม
๔.      หมาก  ๑๘  คำ  ( ใส่บูชาครู  ๙  คำ   เพดาน  ๙  คำ )
๕.      แว่นเวียนเทียน  ๓  แว่น   (มีแว่นรูปอิศวร  เรียกแว่นเอก  รูปสังข์  เรียกแว่นโท  รูปนาค  เรียกแว่นตรี)
๖.      ด้ายสายสิญจน์
๗.     หอยสังข์
๘.      เสื้อผ้าเด็กตามเพศ  ๑ ชุด
๙.      เฉี่ยนหมาก  ๑  สำรับ
๑๐.    มะพร้าวอ่อน  ๑  ผล  ส้ม  กล้วย
๑๑.    ใบไม้ดับเทียน  ๓  ชนิด  คือ  ใบยอ  ใบทองหลาง  ใบพลู  ชนิดละ ๙ ใบ
๑๒.    แป้ง  น้ำมัน สำหรับเจิมหน้าเด็ก
๑๓.    ข้าวสิบสอง ( จัดเป็นสำหรับถ้วยเล็กๆ  ใช้ของคาว  ๕  อย่าง  ของหวาน  ๖  อย่าง  น้ำ ๑ ขันเล็ก  จัดวางในถาด  สิ่งที่ขาดไม่ได้ของคาวคือ ยำ  ของหวานคือ ขนมถั่ว  ขนมงา )
        เมื่อตระเตรียมทุกส่งอย่างเรียบร้อยแล้ว  หมอตกแต่งบายศรีและถ้วยขวัญ  การตกแต่งบายศรีสมัยก่อนจะจัดทำอย่างพิสดาร  แกะเป็นรูปสัตว์ต่างๆใส่ไว้ในบายศรีแต่ละชั้น  การเย็บบายศรีใช้ใบกล้วยตานี  การตกแต่งบายศรีจะต้องมีดอกไม้แซมบายศรี  เพื่อความสวยงาม  การแกะรูปสัตว์ต่างๆในปัจจุบันไม่มี   
        การตกแต่งถ้วยขวัญ  สิ่งของที่จะใส่ในถ้วยขวัญได้แก่  ของหวาน  ของคาว  กล้วย  อ้อย  ปลามีหัวมีหาง  ขนมต้มขาว (ทางภาคใต้เรียก  ขนมโค)  ลูกใหญ่ๆ  ๓  ลูก  ไข่เป็ดต้มสุกแล้ว ๑  ฟอง  พลูจีบ ๓  คำ  เทียนขวัญ  ๑  เล่ม  แหวนสวมเทียน  ๑  วง  กระโจมปิดทำด้วยใบตองเป็นรูปกรวย  ยอดกรวยตัดให้เป็นรูปวงกลมพอที่จะสอดเทียนได้  ถ้วยขวัญวางไว้ยอดบายศรี
        ห้องพิธีจะต้องมีโต๊ะหมู่บูชาพระรัตนตรัย  ผ้าดาดเพดาน  ใช้ผ้าขาว  หมอน  ๑ ใบ  ผ้าขาวปูที่ครูอีก  ๑  ผืน  นำเอาบายศรีและเครื่องประกอบพิธีมาวางบนผ้าขาวซึ่งปุไว้หน้าโต๊ะหมู่  ด้ายสายสิญจน์วงรอบตัวเด็ก  แล้วโยงเพดาน


การทำพิธี
        เมื่อจัดวางทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว  หมอผู้กระทำพิธีจะให้เด็กเข้าไปนั่งในวงด้ายสายสิญจน์  บุคคลอื่นๆ ห้ามเข้าไปในวงด้ายนอกจากแม่ของเด็ก   หมอจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัยในกรณีซึ่งทำต่อจากการทำแม่ซื้อ  หมอไม่ต้องบูชาพระรัตนตรัย  ชุมนุมเทวดาหรือสรรเสริญครูอีก  เพราะบทดังกล่าวเหมือนกัน  แต่ไม่ต้องทำพิธีเชิญแม่ซื้อ  ถ้าทำเฉพาะพิธีทำขวัญ  หมอจะต้องชุมนุมเทวดาหรือสรรเสริญครูเสียก่อน จึงเริ่มทำขวัญ
        หลังจากนั้นหมอจะกล่าวชมบายศรี  เชิญขวัญ ซึ่งตกไปในที่ต่างๆให้กลับมาอยู่กับตัวเด็ก  หมอจะเชิญขวัญตามทิศทั้งสิบทิศ  เมื่อเชิญขวัญจากทิศทั้งสิบจบลงแล้ว  หมอจะเชิญขวัญซึ่งไปตกตามป่าเขาซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย  ให้กลับสู่ร่างกาย
        เมื่อเชิญขวัญจากที่ต่างๆกลับมาแล้ว  หมอก็กล่าวเชิญให้ขวัญเข้าอยู่ในบ้านอยู่เป็นเพื่อนเด็ก  เด็กไม่มีความสุขถ้าไม่มีขวัญอยู่ด้วย  และจัดการต้อนรับขวัญเป็นอย่างดีเพราะกลัวว่าเมื่อขวัญกลับมาแล้วจะหนีไปอีก  เมื่อขวัญกลับมาอยู่กับตัวแล้ว  ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องดูแลอย่าให้ขวัญหนีหายไปอีก
        หลักจากนั้นอันเชิญเทวดาให้ปกปักรักษาตัวเด็กให้ปลอดภัยจากอันตราย อุบาทว์จัญไรขอพระรัตนตรัยคุ้มครองรักษาทั้งกลางวันกลางคืน  และขอให้มีชัยชนะศัตรู
        เมื่อจบพิธีพระให้ชัยยันโตอวยพร  หมอทำพิธีเวียนเทียนจุดเทียนที่แว่นทั้งสาม  ด้วยเทียนขวัญครั้งแรกเวียนแว่นพระอิศวร  เอาแว่นวางลงบนไม้  ๓  ชนิดที่จัดไว้ โบกขึ้นลงสามครั้งเหนือบายศรี  ส่งต่อให้ญาติๆ ที่มาประชุมในพิธีขวัญ  เวียนจากขวาไปซ้าย  เมื่อเวียนเทียนครบรอบ  หมอจะรับแว่นมาถือแล้วดับเทียน  เป่าควันให้ไปถูกตัวเด็ก   แล้วเริ่มจุดแว่นต่อไปตามลำดับ  เอก  โท  ตรี  วิธีเวียนเหมือนกันทั้งสามแว่น  จบการเวียนเทียนหมอจะเป่าสังข์  เมื่อพระให้ชัยยันโตจบลง  หมอทำพิธีป้อนข้าวขวัญ   มะพร้าวอ่อนให้แก่เด็ก  เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น